วิธีตรวจโครงสร้างบ้าน ก่อนซื้อบ้านมือสอง

ตรวจโครงสร้างบ้าน

การซื้อบ้านมือสอง อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนอยากมีบ้านเป็นของตัวเองในทำเลที่ดี มีราคาคุ้มค่า และพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที แต่ในขณะเดียวกันก็มักแฝง “ความเสี่ยงซ่อนอยู่” โดยเฉพาะเรื่อง “โครงสร้างบ้าน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยและอายุการใช้งานของบ้าน หลายคนอาจดูแค่สภาพภายนอก แต่ภายใต้ผนังนั้นอาจมีปัญหาที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสองทุกครั้ง ควรตรวจโครงสร้างบ้านอย่างละเอียดเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าบ้านที่คุณจะซื้อมีความคุ้มค่า ปลอดภัย และอยู่ได้นาน

ทำไมต้องตรวจโครงสร้างบ้านมือสองก่อนซื้อ?

เพราะ “โครงสร้างบ้าน” คือส่วนที่รองรับทุกอย่างในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเสา คาน พื้น หลังคา หรือฐานราก หากส่วนใดส่วนหนึ่งมีปัญหา อาจส่งผลต่อความแข็งแรงโดยรวม เช่น บ้านทรุด รอยร้าว น้ำรั่ว หรือแม้แต่พังถล่มได้ จึงควรตรวจโครงสร้างก่อนซื้อบ้านมือสอง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง หากเจอปัญหา ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลต่อรองราคากับเจ้าของบ้านได้ นอกจากนี้ ยังรู้สภาพบ้านจริงก่อนตัดสินใจซื้อ และประเมินอายุการใช้งานได้อีกด้วย

5 รายการตรวจโครงสร้างบ้านมือสองที่ควรเช็ก

1. ตรวจพื้นบ้าน

ก่อนซื้อบ้านมือสอง สิ่งแรกที่ควรตรวจเช็กให้แน่ใจ ก็คือ “พื้นบ้าน” ซึ่งเป็นส่วนที่รับน้ำหนักโดยตรง หากโครงสร้างพื้นมีปัญหา อาจทำให้เกิดการทรุดหรือแตกร้าวได้นั่นเอง

  • เดินดูระดับพื้นทุกห้อง ว่ามีส่วนไหนเอียงหรือทรุดไหม
  • สังเกตรอยแตกร้าวบนพื้น โดยเฉพาะแนวต่อคานและผนัง
  • เคาะฟังเสียง หากพื้นบางจุดเสียงโปร่งหรือกลวง แสดงว่าพื้นอาจแยกจากคานหรือหลุดร่อน
  • พื้นกระเบื้องโก่งหรือหลุด แสดงว่ามีความชื้นใต้พื้น

2. ตรวจผนังและเสา

อีกหนึ่งจุดที่ควรตรวจโครงสร้างบ้านก่อนซื้อบ้านมือสอง ก็คือ “บริเวณผนังและเสา” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกความมั่นคงของบ้าน โดยสามารถตรวจสอบตามจุดต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • รอยร้าวที่มุมประตูหรือหน้าต่าง อาจบ่งบอกถึงการทรุดของฐานราก
  • รอยร้าวที่เสา คาน หรือแนวต่อระหว่างผนัง อาจหมายถึงปัญหาโครงสร้าง
  • ผนังโป่งหรือบวม ซึ่งมักเกิดจากความชื้นสะสม
  • รอยน้ำซึมหรือเชื้อรา ที่บ่งบอกการรั่วซึมของท่อหรือน้ำฝน

3. ตรวจหลังคาและเพดาน

หลังคาเป็นส่วนที่รับแดดและฝนมากที่สุด ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง จึงควรตรวจเช็กบริเวณหลังคาและเพดานให้แน่ใจด้วยเช่นกันว่าจะไม่มีรอยร้าวหรือรอยรั่วใด ๆ ซึ่งสามารถตรวจเช็กตามจุดต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • มองหาคราบน้ำหรือเชื้อราบนฝ้าเพดาน ซึ่งเป็นสัญญาณของน้ำรั่วจากหลังคา
  • ตรวจรอยต่อระหว่างกระเบื้องหลังคา ว่ามีการแตก บิ่น หรือแง้มออกหรือไม่
  • หากเป็นหลังคาเมทัลชีท ให้ดูรอยสนิมและจุดยึดว่ายังแน่นดีไหม
  • ตรวจดูโครงหลังคาไม้หรือเหล็กว่าโก่ง บิดงอ หรือมีปลวกขึ้นหรือไม่

4. ตรวจประตู หน้าต่าง และโครงสร้างภายใน

โครงสร้างบ้านที่ดีจะไม่บิดเบี้ยวหรือเอียงจนทำให้เปิด–ปิดประตูหรือหน้าต่างได้ลำบาก ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง จึงควรตรวจโครงสร้างบ้านก่อนซื้อ ตามจุดเหล่านี้

  • ประตู–หน้าต่างปิดสนิทหรือไม่ ถ้ามีฝืดหรือขัดบ่อย อาจเกิดจากโครงบ้านเอียงหรือทรุด
  • กรอบวงกบมีรอยร้าวหรือไม่
  • ตรวจสภาพรอยต่อระหว่างพื้นกับผนัง ว่ามีการแยกตัวหรือรอยแตกร้าวไหม
  • ราวบันได โครงบันได และพื้นชั้น 2 มีเสียงดังหรือยวบไหม

5. ตรวจระบบน้ำและไฟฟ้า

แม้ไม่ใช่ “โครงสร้างหลัก” แต่ระบบน้ำและไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่ต้องตรวจโครงสร้างบ้านมือสองก่อนซื้อเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังนั่นเอง 

ระบบน้ำ

  • เปิด–ปิดน้ำทุกก๊อก เพื่อดูแรงดันน้ำ
  • ตรวจรอยรั่วตามท่อ หรือคราบน้ำรอบผนัง
  • สังเกตกลิ่นเหม็นจากท่อน้ำทิ้ง (อาจเกิดจากท่อรั่วหรือไม่มีดักกลิ่น)

ระบบไฟฟ้า

  • ตรวจสวิตช์ ปลั๊ก และไฟทุกจุด
  • ตรวจตู้เบรกเกอร์ว่ามีระบบตัดไฟอัตโนมัติ (RCBO) หรือไม่
  • ดูการต่อสายไฟให้เรียบร้อย ไม่มีสายเปลือย

สัญญาณเตือน “บ้านโครงสร้างไม่ดี” ที่ควรหลีกเลี่ยง

  • มีรอยร้าวลึกและยาวต่อเนื่อง
  • พื้นหรือผนังเอียงจนเห็นชัด
  • เสาเอียง หรือคานโค้ง
  • มีคราบน้ำรั่วเป็นแนวยาวจากหลังคา
  • หลังคาโก่งหรือแอ่นกลาง
  • กลิ่นอับชื้น แม้เปิดบ้านระบายอากาศแล้ว

หากเจอสัญญาณเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อ (แม้จะเป็นบ้านที่ถูกใจมาก ๆ ก็ตาม) แต่ถ้าอยากได้มากจริง ๆ แนะนำว่าให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจโครงสร้างบ้านเพื่อยืนยันก่อน แล้วค่อยคุยกับคนขายอีกทีเพื่อต่อรองราคา หรือหาข้อตกลงที่น่าพอใจร่วมกันทั้งสองฝ่าย 

เคล็ดลับก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง

  1. อย่าดูแค่ราคาถูก ให้ดู “สภาพโครงสร้างบ้าน” เป็นหลัก
  2. ควรตรวจบ้านในเวลากลางวัน เพื่อให้เห็นรอยรั่วหรือรอยร้าวชัดเจน
  3. หากเป็นช่วงหน้าฝน ถ้าเข้าไปตรวจโครงสร้างบ้านในช่วงที่ฝนตกได้จะดีมาก เพราะจะทำให้เห็นจุดรั่วได้ชัดเจน
  4. หากบ้านมีการต่อเติม ควรเช็กให้แน่ใจว่า “ได้รับอนุญาตหรือไม่” เพราะการต่อเติมผิดแบบอาจกระทบโครงสร้างได้นั่นเอง
  5. ขอเอกสารสิทธิ์บ้าน เช่น โฉนด ใบปลูกสร้าง เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
  6. ถ้าพบปัญหาเล็กน้อย (แต่ยังรับได้อยู่) สามารถนำปัญหาเหล่านี้มาใเป็นจุดต่อรองราคากับเจ้าของบ้านได้

หากยังไม่พร้อมจ้างบริษัทรับตรวจโครงสร้างบ้าน ก็สามารถตรวจเองเบื้องต้นได้ตามวิธีข้างต้น แต่เพื่อความมั่นใจและความแม่นยำในการตรวจเช็ก ควรให้บริษัทรับตรวจโครงสร้างบ้าน หรือวิศวกรตรวจบ้านเป็นผู้ดำเนินการจะดีกว่า เพราะมีอุปกรณ์และความรู้เชิงเทคนิคครบ ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยประมาณนั้น จะเริ่มต้นที่ 3,000–15,000 บาท (ขึ้นอยู่กับพื้นที่และรายละเอียด) 

ทั้งนี้ การตรวจโครงสร้างบ้านก่อนซื้อบ้านมือสองไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อนเตรียมตัวซื้อบ้าน เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจในระยะยาว เพราะบ้านที่ดูดีภายนอก อาจซ่อนปัญหาใหญ่ไว้ภายในได้นั่นเอง และหากกำลังวางแผนซื้อบ้านมือสองทำเลดี เช่น ซื้อบ้านมือสองเชียงใหม่ สามารถติดต่อขอคำปรึกษาเรื่องบ้าน ๆ กับ Rochalia ได้ตลอดเวลา เพราะเราคือบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในเชียงใหม่ ที่ให้บริการเรื่องบ้านและอสังหาริมทรัพย์มาแล้วกว่า 6 ปี พร้อมส่งต่อบ้านในฝันที่จะทำให้คุณได้รับทั้งความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดี

Similar Posts