การรับมรดกที่ดิน เสียชีวิต มีขั้นตอนยังไงบ้าง ไปศึกษากัน
เป็นเรื่องปกติของบุคคลที่มีมรดกเมื่อเสียชีวิตแล้วมรดกดังกล่าวย่อมตกไปอยู่กับผู้มีสิทธิ์ซึ่งอาจเป็นทายาทหรือผู้ที่ถูกระบุไว้ในพินัยกรรม อย่างไรก็ตามกรณีมรดกเป็น “ที่ดิน” ก็มีข้อควรรู้ต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง บทความนี้จึงขอพาทุกคนมาศึกษาขั้นตอนการรับมรดกที่ดิน เสียชีวิต รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของตนเอง
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรับมรดกที่ดิน เสียชีวิต
ปกติแล้วเมื่อเจ้าของที่ดินเสียชีวิต สิทธิ์การรับมรดกย่อมตกเป็นของทายาทโดยธรรมหรือผู้ที่ถูกระบุไว้ในพินัยกรรม อย่างไรก็ตามการรับมรดกที่ดินทุกกรณีต้องดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์บนโฉนดฉบับนั้น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในหลายกรณี เช่น ผู้รับมรดกต้องการนำทรัพย์สินไปจำนอง ขาย และนิติกรรมอื่น ๆ การถูกครอบครองปรปักษ์ ความขัดแย้งของผู้รับมรดกกับทายาทคนอื่นในอนาคต เป็นต้น แม้ในเชิงกฎหมายไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าที่ดินมรดกต้องโอนภายในกี่ปี แต่ถ้าคุณคือคนที่ต้องรับมรดกที่ดินควรรีบทำตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้นจะดีที่สุด
ขั้นตอนการรับมรดกที่ดิน ทำยังไงบ้าง?
เมื่อเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับการรับมรดกที่ดิน เสียชีวิตเบื้องต้นกันไปแล้ว ลองมาศึกษาขั้นตอนการรับมรดกที่ดินกันแบบละเอียดว่าต้องทำยังไงบ้างเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการราบรื่น ไร้ข้อกังวลใจ
1. รวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน
ทำการรวบรวมเอกสารของผู้เสียชีวิตและที่เกี่ยวข้องกับที่ดินมรดกให้ครบถ้วน ซึ่งหลัก ๆ เลยจะเป็น “ใบมรณบัตร” กับ “โฉนดที่ดิน” กรณีหาตัวจริงไม่เจอสามารถขอคัดสำเนากับสำนักงานที่ดินได้ จากนั้นเตรียมเอกสารของผู้รับมรดกที่บ่งบอกด้านความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร
2. การเรียงลำดับทายาทโดยชอบธรรม
กรณีที่ไม่มีพินัยกรรมระบุการรับมรดกที่ดิน ตามกฎหมายต้องใช้วิธีเรียงลำดับทายาทโดยชอบธรรมซึ่งสามารถระบุได้ ดังนี้
- ผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน เหลน ลื้อ)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ ย่า ตา ยาย
- ลุง ป้า น้า อา
ทั้งนี้หากคู่สมรสเจ้าของที่ดินเดิมยังมีชีวิตอยู่ต้องมีการแบ่งทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสให้เรียบร้อยก่อนยกมรดกให้กับทายาทคนอื่น อย่างไรก็ตามกรณีทายาทลำดับที่ 1, 3, 4, 6 เสียชีวิตก่อนเจ้าของที่ดิน ผู้สืบสกุลของบุคคลที่เสียชีวิตจะได้รับแทน
3. ทำการโอนมรดกที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน
หลังตกลงแบ่งที่ดินกันได้ครบถ้วนให้ทุกคนเดินทางไปยังสำนักงานที่ดิน นำเอกสารที่ให้เตรียมก่อนหน้าทั้งหมดยื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอจดทะเบียนโอนมรดก และเจ้าหน้าที่ต้องประกาศการรับมรดก 30 วัน หากไม่มีใครค้านจึงทำการโอนกรรมสิทธิ์ได้เลย
หลักฐานที่ใช้สำหรับการขอรับมรดก
- โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หลักฐานการเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
- หลักฐานการเป็นทายาท เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร
- หลักฐานยืนยันว่าผู้รับมรดกเป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกตามกฎหมาย
- พินัยกรรม (ถ้ามี)
- หากบุตรบุญธรรมเป็นผู้ขอรับมรดก ต้องมีหลักฐานจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม
- หากมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับมรดก ต้องมีการแสดงสัญญาประนีประนอมยอมความหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุด
หากมีผู้จัดการมรดก ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง
- คำสั่งศาล คำพิพากษาของศาล พินัยกรรม ที่ถูกแต่งตั้งให้ผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดก
- บัตรประจำตัวของผู้จัดการมรดก
- โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หลักฐานการเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
การฟ้องผี คืออะไร
ในทางกฎหมายกรณีทายาทที่รับมรดกที่ดิน เสียชีวิต ไม่สามารถตกลงกันได้ก็สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งวิธีนี้ถูกเรียกว่า “การฟ้องผี” หมายถึง มีทายาทไปยื่นคำร้องกับศาลเพื่อให้มีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลที่กำหนดเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อศาลออกคำสั่งเรียบร้อยผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจในการจัดการสินทรัพย์ของผู้เสียชีวิตได้แบบถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นนำคำสั่งศาลไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์
รับมรดกที่ดิน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
การรับมรดกที่ดิน ค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ขณะยังมีชีวิตอยู่ เสียชีวิตแล้ว และพี่น้องร่วมสายเลือดโอนให้กัน ซึ่งกรณีรับมรดกที่ดิน เสียชีวิต ค่าใช้จ่ายมีดังนี้
- ค่าจดทะเบียนโอนมรดก 2% ของราคาประเมินทรัพย์สิน
- กรณีเป็นการโอนระหว่างบุพการีกับผู้สืบสกุลหรือคู่สมรส ค่าจดทะเบียนโอนมรดก 0.5% ของราคาประเมินทรัพย์สิน
- ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
- ค่าประกาศมรดก แปลงละ 10 บาท
- ค่าจดทะเบียนผู้จัดการมรดก แปลงละ 50 บาท
- ภาษีมรดกกรณีราคาประเมินเกิน 100 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีแบ่งเป็น 5% สำหรับบุพการีหรือผู้สืบสกุล และ 10% หากเป็นบุคคลอื่น
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลน่าสนใจของการรับมรดกที่ดิน เสียชีวิต จะช่วยให้ทุกคนที่กำลังเจอสถานการณ์ดังกล่าวสามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่บริเวณโครงการบ้าน หางดง หรือสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หางดง เชียงใหม่ ทั้งอยู่อาศัยและปล่อยเช่า ติดต่อสอบถามข้อมูลกับทาง Rochalia ได้ทุกวัน ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เบอร์โทรศัพท์ 062-983-9661 Line OA @kch2327l
